สวัสดีปีใหม่ 2565 ครับ เรื่องราวต่อไปนี้ผมจะพาท่านไปรู้จักกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นแล้วและมันกำลังจะเปลี่ยนโลก ล้วนเป็นเรื่องที่สำคัญและมีบททาทในชีวิตประจำวันเรามากขึ้นทุกวัน เริ่มต้นด้วยเรื่องของสิ่งที่จำเป็นและขาดไม่ได้ไปเสียแล้วในชีวิตประจำวันนั่นคือ รถยนต์ ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่จะมาเปลี่ยนโลกของยานยนต์ที่เราใช้งานกันอยู่จากเครื่องยนต์สันดาป ที่ใช้ซากฟอสซิลกลั่นออกมาเป็นน้ำมันเพื่อมาเป็นเชื้อเพลิงและเปลี่ยนให้เป็นพลังงานกล จนทำให้เราได้ขับรถไปเที่ยวไหนก็ไปได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว

แต่ทว่า ปัจจุบันโลกของเรานั้นมีทรัพยากรธรรมชาติอย่างจำกัด ซ้ำยังพวกเรายังสร้างปัญหามลพิษทางอากาศเพิ่มขึ้นมาอีก ที่เราเคยได้ยินกันมาเรื่องของภาวะโลกร้อน ที่เกิดจากการปล่อยก๊าซ Coหรือ คาร์บอนไดออกไซด์ ของรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงในปัจจุบัน

รถยนต์ไฟฟ้า (ELECTRIC VEHICLE) หรือที่เรียกกันย่อๆ ว่า รถ EV มันจะเขามาแทนที่รถยนต์ที่ใช้น้ำมันอย่างแน่นอน อย่างที่หลายคนน่าจะทราบว่ามีหลายบริษัทที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เช่น TESLA , NISSAN เป็นต้น เขาได้มีการพัฒนาระบบของรถยนต์มาอย่างต่อเนื่องมาหลายปีแล้วและในปีนี้ พ.ศ. 2565 ตลอดไปอีก 5-10 ปี ข้างหน้าประเทศไทยเราก็จะเริ่มมีการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีรถไฟฟ้านี้อย่างแน่นอน และทางภาครัฐเองยังสนับสนุนและช่วยส่งเสริมในธุรกิจด้านนี้อยู่พอสมควร เช่น การลดภาษีนำเข้า เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้ราคาของรถยนต์ไฟฟ้ามีราคาเทียบเท่ากับราคาของรถยนต์ใช้น้ำมัน

 

 ประเภทของรถยนต์ไฟฟ้า

  1. HEV, Hybrid electric vehicle
    เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบที่ใช้พลังงานทั้ง 2 แบบ คือใช้ทั้งน้ำมันและไฟฟ้า กล่าวคือมันมีการเลือกใช้พลังงานได้อย่างอัตโนมัติแล้วมันยังนำพลังงานกลจากการหมุนของล้อมาชาร์จไฟให้กับแบตเตอรี่ได้อีกด้วย รถยนต์ประเภทนี้ไม่จำเป็นต้องมีปลักเสียบเพื่อชาร์จไฟฟ้าเข้าระบบ แต่ยังคงอาศัยพลังงานจากน้ำมันเป็นหลัก รถยนต์ประเภทนี้ เป็นรถไฟฟ้ารุ่นแรก ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว ปัจจุบันก็ยังมีการใช้งานอยู่เนื่องจากมันทำระยะทางได้ไกลเทียบเท่ากับรถยนต์น้ำมันอย่างเดียวและประหยัดน้ำมันอีกด้วย
  2. PHEV, Plug-in Hybrid Electric Vehicle
    เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ยังคงใช้พลังงานทั้ง 2 แบบอยู่ เหมือนกับประเภทที่ 1 เพียงแต่มันมีระบบการชาร์จไฟฟ้าจากภายนอกเพิ่มเข้ามา ดังนั้นจะเราจะเริ่มเห็นปล๊กเสียบเพื่อชาร์จไฟฟ้าเข้าเพื่อเพิ่มพลังงานของแบตเตอรี่ ส่งผลให้อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันลดลงและยังเพิ่มระยะทางได้มากขึ้นไปอีก
  3. BEV, Battery Electric Vehicle
    เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานเพียงแหล่งเดียวนั่นคือจากแบตเตอรี่ และยังมีระบบการเปลี่ยนพลังงานกลจาการหมุนของล้อเพื่อสร้างเป็นกระแสไฟฟ้าชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ได้อีกด้วย รถยนต์ประเภทนี้จึงไม่มีการปล่อย Co2 หรือคาร์บอนไดออกไซด์มาอย่างแน่นอน ดังนั้นตัวปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อระยะทางมีเพียงอย่างเดียวนั่นคือขนาดของแบตเตอรี่ และเทคโนโลยีของแบตเตอรี่ก็มีผลต่อระยะเวลาในการชาร์จอีกด้วย ในปีนี้ เราเริ่มจะเห็นรถยนต์ไฟฟ้าประเภทนี้กันมากขึ้นเรื่อย ๆ 
  4. FCEV, Fuel Cell Electric Vehicle
    เป็นรถยนต์ไฟฟ้าทีใช้พลังงานไฟฟ้าที่ได้มาจากการเปลี่ยนจากก๊าชไฮโดรเจนมาเป็นพลังงานหลัก และมีแบตเตอรี่เพื่อสร้างเป็นพลังไฟฟ้าแล้วเปลี่ยนเป็นพลังงานกลเพื่อขับเคลื่อน รถยนต์ประเภทนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบในด้านต่าง ๆ เช่นความปลอดภัยและอื่น ๆ แต่มันก็เป็นอีกหนทางข้างหน้าที่จะทำให้เราได้เห็นถึงแนวโน้มและการพัฒนาการของรถยนต์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ระบบการควบคุมรถยนต์ที่ฉลาดมากยิ่งขึ้น

นอกเหนือจากระบบการขับเคลื่อนที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแล้ว ปัจุบันเทคโนโลยีทางด้านการประมวลผลและการควบคุม ระบบอำนวยความสะดวกภายในรถยนต์นั้นก็มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน เช่น ระบบการนำทางด้วย GPS ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ หรือไร้คนขับ รวมไปถึงการสื่อสารกันระหว่างรถยนต์ กับ รถยนต์ กล่าวคือ มันเป็นเทคโนโลยีที่เราจะเห็นอย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้นภายในอีก 2-3 ปีข้างหน้านี้อย่างแน่นอน เนื่องจาก เทคโนโลยี AI หรือ Artificial Intelligence หรือที่เรียกว่าระบบปัญญาประดิษฐ์จะมีบทบาทเข้ามาช่วยในการสร้างกฏระเบียบ การจราจร และลดอุบัติเหตุบนท้องถนนลงได้

เทคโนโลยีการขับขี่ในอนาคตจะมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของรถยนต์ไฟฟ้าอีกด้วยทั้งในด้านของการบำรุงรักษารถยนต์ การเสนอแนะ และระบบช่วยตัดสินใจให้กับผู้โดยสารหรือผู้ขับขี่ ได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น ระบบที่มี AI จะประเมินลักษณะของผู้ขับขี่ ความเร็วที่ใช้ เส้นทางที่วิ่งอยู่ รวมไปถึงการคาดการณ์เหตุการณ์ล่วงหน้าที่จะเกิดขึ้นได้ สิ่งที่ผมกล่าวในวันนี้ มันจะเริ่มเห็นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าอย่างแน่นอน

สำหรับบทความที่ผมได้นำเสนอในครั้งนี้คงจะทำให้ท่านได้เห็นแล้วว่า เทคโนโลยีในยุคสมัยนี้ กับที่ผ่านมานั้นเทียบกันไม่ติดเลยในเรื่องของเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นอยู่ทุกวัน ดังนั้นในฐานะที่เราเป็นผู้ใช้งานหรือผู้บริโภคก็ดี เราจำเป็นต้องศึกษาและทำความเข้าใจในเทคโนโลยีสมัยใหม่อยู่เสมอ ๆ เพื่อจะทำให้ท่านได้เห็นโอกาส หรือ หนทางที่ท่านจะสามารถใช้ความรู้หรือทักษะที่ท่านมีอยู่ นำมันมาสร้างสรรค์ นวัตกรรมใหม่ ๆ ต่อยอดสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก

สำหรับครั้งนี้ ผมขอจบไว้เพียงเท่านี้ก่อนนะครับ ไว้ครั้งต่อไป จะมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ อะไรไว้ผมจะมาเล่าสู่กันฟังต่อไป ขอบคุณครับ ที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้ 

ธวัช วราไชย

ผู้เขียนบทความ